หลายคนรู้สึกไม่ไหวกับงานที่ทำอยู่ อยากจะเดินออกมาให้จบๆ ไป แต่พอคิดถึงเงินเดือน ค่าใช้จ่าย และคำถามจากคนรอบตัว ก็รู้สึกติดกับความไม่แน่นอนในใจทันที ความรู้สึกอยากลาออกแต่ยังไม่มีแผนรองรับเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับคนทำงานจำนวนมาก ไม่ว่าจะทำมานานแค่ไหน หรืออยู่ในตำแหน่งสูงแค่ไหนก็ตาม
คำถามคือ ถ้าใจเริ่มไม่อยู่ที่เดิม แต่อนาคตยังมองไม่เห็น ควรรับมือยังไง?
อย่างแรกที่ต้องเข้าใจก่อนคือ ความรู้สึกอยากลาออกไม่ใช่เรื่องผิด มันคือสัญญาณเตือนจากข้างในว่าอะไรบางอย่างไม่เป็นไปอย่างที่ควรจะเป็น อาจเหนื่อยเกินไป ไม่ได้ใช้ศักยภาพ หรืออยู่ในสภาพแวดล้อมที่บั่นทอนคุณค่าของตัวเอง แต่การลาออกโดยไม่มีแผนชัดเจน ไม่ใช่ทางออกที่แนะนำเสมอ โดยเฉพาะถ้าไม่ได้มีเงินสำรอง หรือยังไม่รู้ว่าต้องการไปทางไหนจริงๆ เพราะแทนที่จะได้อิสระ คุณอาจพบกับความกดดันมากกว่าเดิมจากความไม่มั่นคง และการตัดสินใจผิดจังหวะ
สิ่งสำคัญคืออย่าเพิ่งรีบเดินออกจากงานเพียงเพราะ “แค่ไม่ไหว” แต่ให้ใช้ความรู้สึกนั้นเป็นแรงขับในการ “เริ่มวางแผนชีวิตใหม่” อย่างมีสติ เริ่มจากการสังเกตให้ชัดว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้ไม่อยากอยู่ต่อ แล้วค่อยๆ มองหาทางออกที่เหมาะกับตัวเองมากกว่าเดิม บางครั้งคำตอบอาจไม่ใช่ “ลาออก” แต่คือ “เปลี่ยนวิธีรับมือ” เช่น ลองคุยกับหัวหน้าเพื่อปรับบทบาทงาน ลองขอเปลี่ยนทีม ลองจัดการเวลาชีวิตใหม่ให้สมดุลมากขึ้น บางคนแค่ได้กลับมาดูแลตัวเอง นอนให้พอ กินดีขึ้น ก็กลับมามีพลังและทัศนคติที่ต่างไปแล้ว
ถ้าสุดท้ายแน่ใจแล้วว่าลาออกคือสิ่งที่ต้องทำจริงๆ สิ่งแรกที่ควรเริ่มเลยคือ “วางแผนการเงินให้รอดก่อน” คิดให้ชัดว่าคุณมีเงินสำรองพออยู่ได้กี่เดือนโดยไม่เดือดร้อน หากไม่มีเงินเก็บเลย ก็ต้องหยุดไว้ก่อน แล้วเริ่มวางแผนเก็บเงินให้ได้ก้อนหนึ่งเป็นพื้นฐาน นอกจากนี้ให้ใช้ช่วงที่ยังทำงานอยู่เป็น “ช่วงสร้างทางเลือก” ลองหาคอร์สเรียนออนไลน์ ลองทำฟรีแลนซ์เล็กๆ เพื่อดูว่าชอบหรือไม่ หาข้อมูลเกี่ยวกับสายอาชีพที่อยากไปต่อ หรือแม้แต่ถามตัวเองว่าอยากเป็นเจ้าของธุรกิจไหม แล้วต้องรู้อะไรบ้างก่อนเริ่ม
อย่าใช้เวลาทำงานแค่เพื่อให้งานจบ แต่ให้ใช้เป็นโอกาสฝึกทักษะใหม่ๆ ที่จะติดตัวคุณไปได้ไม่ว่าคุณจะไปอยู่ที่ไหน ลองสังเกตสิ่งที่คุณทำแล้วถนัด หรือเรื่องที่คนอื่นชมเสมอ สิ่งเล็กๆ เหล่านี้มักเป็นเบาะแสที่นำไปสู่เส้นทางใหม่ที่คุณยังไม่เคยมองเห็น อีกหนึ่งสิ่งที่ควรทำคือเปิดใจคุยกับคนที่คุณไว้ใจ อาจเป็นเพื่อนรุ่นพี่หรือที่ปรึกษาอาชีพ ไม่ใช่เพื่อให้เขาตัดสินใจแทน แต่เพื่อให้คุณได้มุมมองจากคนนอกที่ไม่มีอคติ บางครั้งแค่ได้เล่าความคิดออกมา ก็ช่วยให้คุณเห็นตัวเองชัดขึ้น
สิ่งที่ไม่ควรทำเลยคือ “อยู่ไปแบบฝืนใจโดยไม่มีแผนใดๆ” เพราะมันจะค่อยๆ บั่นทอนคุณภาพชีวิตแบบไม่รู้ตัว จนวันหนึ่งคุณอาจไม่เหลือแรงแม้แต่จะเริ่มต้นใหม่ ทางออกของเรื่องนี้จึงไม่ใช่แค่จะลาออกหรือไม่ลาออก แต่คือการฟังตัวเองอย่างลึกซึ้ง แล้วตอบให้ได้ว่า “อยากอยู่เพื่ออะไร” และ “ถ้าจะไป จะไปยังไงให้ชีวิตดีขึ้นจริงๆ”
บทสรุป จากคำถามว่าอยากลาออกแต่ยังไม่มีแผน ควรทำยังไง คือ ไม่ต้องรีบตัดสินใจในวันที่ยังไม่พร้อม แต่ต้องเริ่มลงมือวางแผนวันนี้ เพื่อให้คุณมีสิทธิ์เลือกชีวิตในแบบที่คุณอยากเป็นโดยไม่รู้สึกกลัวอีกต่อไป