งานล้นมือไม่ใช่เรื่องผิด แต่หมดไฟไม่ควรเป็นเรื่องปกติ วิธีอยู่กับความวุ่นวายโดยไม่เสียตัวตน

ชีวิตคนทำงานจำนวนมากไม่ใช่แค่ยุ่งเฉยๆ แต่ถึงขั้น “ล้นมือ” และหลายครั้งก็ไม่มีวี่แววว่าจะเบาลง การต้องรับผิดชอบงานหลายด้านในเวลาเดียวกัน โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมที่กดดัน ทั้งจากเจ้านาย ทีมงาน หรือตัวเอง อาจกลายเป็นจุดเริ่มต้นของภาวะที่เรียกว่า “หมดไฟ” หมดไฟไม่ใช่คำแฟนซีในโลกออนไลน์ แต่คือความรู้สึกจริงที่ส่งผลต่อสุขภาพกายและใจแบบค่อยเป็นค่อยไป คนที่เคยกระตือรือร้น เริ่มเฉยชา คนที่เคยสร้างผลงานได้ดี กลับรู้สึกแค่ทำให้ผ่านๆ ไปให้จบวัน ถ้าเริ่มรู้สึกแบบนี้บ่อยขึ้น มันไม่ใช่แค่เหนื่อยธรรมดา แต่กำลังเสียสมดุลชีวิตโดยไม่รู้ตัว หลายคนคิดว่าหมดไฟเพราะขี้เกียจหรือไม่ทน แต่ในความจริง หมดไฟคือผลสะสมจากความพยายามมากเกินไปโดยไม่มีการเยียวยาหรือจัดลำดับชีวิตให้เหมาะสม สภาพแวดล้อมที่คาดหวังสูง ขาดการสนับสนุน และไม่มีเวลาฟื้นตัว คือสูตรสำเร็จของความรู้สึก “ไม่อยากลุกไปทำอะไรอีกแล้ว” สิ่งที่ต้องเข้าใจก่อนคือ ความรู้สึกเหนื่อยกับความหมดไฟไม่เหมือนกัน เหนื่อยคือพักแล้วหาย แต่หมดไฟคือพักแล้วไม่ฟื้น ความรู้สึกนี้มักเริ่มจากภาระงานที่มากเกินควบคุม พอสะสมไปเรื่อยๆ ก็กลายเป็นความรู้สึกแย่กับงาน ความเบื่อหน่ายกับชีวิตประจำวัน และไม่เห็นคุณค่าในสิ่งที่ทำ

แล้วจะรับมือยังไงให้กลับมาอยู่กับงานได้โดยไม่รู้สึกเหมือนถูกกลืน?

อย่างแรกคือต้องรู้ทันตัวเอง หยุดแล้วถามใจตรงๆ ว่าตอนนี้รู้สึกเหนื่อยเฉยๆ หรือหมดใจไปแล้วจริงๆ คนจำนวนมากพยายามฝืน พยายามดันตัวเองให้เดินหน้าต่อ ทั้งที่ข้างในแทบไม่เหลือพลัง ถ้าไม่ยอมรับความจริงตรงนี้ การแก้ปัญหาทั้งหมดจะไม่มีทางได้ผล

ต่อมาคือจัดลำดับความสำคัญใหม่ งานบางอย่างไม่จำเป็นต้องรีบ งานบางชิ้นไม่จำเป็นต้องทำด้วยตัวเองทั้งหมด กล้าที่จะพูด “ขอเวลา” หรือ “ขอความช่วยเหลือ” ไม่ใช่ความอ่อนแอ แต่คือการรักษาตัวเองให้ยังยืนหยัดได้ในระยะยาว เทคนิคหนึ่งที่ใช้ได้ดีคือ “บล็อกเวลา” จัดตารางแบบจริงจังว่าเวลานี้ทำอะไร พักตอนไหน ห้ามยุ่งกับงานนอกช่วงนั้นเด็ดขาด สมองของเราต้องรู้ว่าเมื่อถึงเวลาพัก มันจะได้พักจริงๆ ไม่ใช่แค่เปลี่ยนจากหน้าจอหนึ่งไปอีกจอหนึ่ง

อีกเรื่องที่สำคัญแต่หลายคนมองข้ามคือ “อย่าลืมคุณค่าของสิ่งเล็กๆ” ไม่ใช่ทุกวันที่คุณต้องพิสูจน์ตัวเองด้วยผลงานระดับโลก บางวันแค่จัดโต๊ะให้เรียบร้อย หรือตอบอีเมลให้เสร็จ ก็คือความสำเร็จเล็กๆ ที่สมควรได้รับการยอมรับบ้างเหมือนกัน ถ้าอยู่ในทีมที่ไม่เข้าใจ หรือมีหัวหน้างานที่ไม่เห็นภาระของคุณ ลองเปิดบทสนทนาอย่างตรงไปตรงมา เลือกคำพูดให้เหมาะ ใช้ข้อมูลจริง เช่น รายการงานที่รับผิดชอบ เพื่อให้เห็นภาพว่าคุณไม่ได้บ่นเพราะขี้เกียจ แต่มีความพยายามมากแค่ไหนแล้ว

นอกเหนือจากเรื่องงาน อย่าลืมสร้างชีวิตนอกงานด้วย ไม่ว่าจะเป็นการนัดเจอเพื่อน ออกกำลังกาย ปลูกต้นไม้ หรือแม้แต่การนั่งเงียบๆ โดยไม่ต้องทำอะไรเลย การมีพื้นที่ส่วนตัวให้ใจได้ฟื้นตัวบ้าง คือสิ่งจำเป็นที่ช่วยให้เราอยู่กับโลกที่วุ่นวายนี้ได้ต่อไป บางครั้ง การหมดไฟไม่ได้หมายความว่าคุณไม่เหมาะกับงานที่ทำ แต่อาจหมายความว่าคุณเหมาะกับมันมากเกินไป จนทุ่มทุกอย่างจนลืมดูแลตัวเอง

บทสรุปจากเรื่องงานล้นจนหมดไฟก็คือ ความพยายามล้วนมีคุณค่า แต่ต้องไม่ใช่ในแบบที่ทำร้ายตัวเอง คนทำงานเก่งไม่ใช่คนที่ไม่เหนื่อย แต่คือคนที่รู้ว่าเมื่อไหร่ควรหยุด เมื่อไหร่ควรพัก และเมื่อไหร่ควรกลับมาใหม่แบบมีพลังมากกว่าเดิม