บุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าคือผลิตภัณฑ์ที่ใช้เพื่อการสูบควัน แต่มีความแตกต่างกันอย่างมากในเรื่องของส่วนประกอบและวิธีการทำงาน รวมถึงผลกระทบที่มีต่อร่างกาย บุหรี่เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีการเผาไหม้ของยาสูบซึ่งสร้างควันที่มีสารเคมีอันตรายมากมาย ขณะที่บุหรี่ไฟฟ้าใช้วิธีการทำให้ของเหลวระเหยเพื่อสร้างไอ ซึ่งอาจถูกมองว่าเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่าในบางแง่มุม แต่ก็ยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อสุขภาพ
บุหรี่ประกอบด้วยยาสูบที่ถูกเผาไหม้ ซึ่งสร้างควันที่เต็มไปด้วยสารพิษหลายร้อยชนิด การเผาไหม้ของยาสูบปล่อยสารเคมีที่เป็นอันตราย เช่น นิโคติน คาร์บอนมอนอกไซด์ และสารทาร์ที่เป็นสาเหตุของโรคมะเร็งปอดและโรคหัวใจ สารเหล่านี้มีความเป็นพิษสูงและส่งผลกระทบต่ออวัยวะต่างๆ ของร่างกาย นอกจากนี้ยังส่งผลเสียต่อสุขภาพของคนรอบข้างผ่านควันบุหรี่ที่เป็นมลพิษ
บุหรี่ไฟฟ้า (E-cigarettes) ทำงานโดยการทำให้ของเหลวที่เรียกว่า “น้ำยา” ระเหย ซึ่งมักประกอบด้วยนิโคติน, น้ำ, กลีเซอรีน, และสารให้รสชาติ แม้ว่าบุหรี่ไฟฟ้าจะไม่ปล่อยควันจากการเผาไหม้ แต่การใช้บุหรี่ไฟฟ้าก็ยังมีสารเคมีอื่นๆ ที่อาจเป็นอันตราย เช่น ฟอร์มาลดีไฮด์และอะซิโตนที่อาจเกิดขึ้นจากกระบวนการระเหย น้ำยาในบุหรี่ไฟฟ้าอาจมีนิโคตินในปริมาณสูง ซึ่งยังคงมีผลกระทบต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด
ผลกระทบต่อสุขภาพจากการสูบบุหรี่มักจะร้ายแรงกว่า เนื่องจากการเผาไหม้สร้างสารพิษที่มีอันตรายสูงและมีแนวโน้มที่จะเป็นต้นเหตุของโรคมะเร็งและโรคเรื้อรังอื่นๆ แต่บุหรี่ไฟฟ้าก็ไม่สามารถถือว่าปลอดภัยอย่างสมบูรณ์ เนื่องจากการศึกษายังไม่ชัดเจนเกี่ยวกับผลกระทบระยะยาวของการใช้บุหรี่ไฟฟ้าผลการวิจัยบางส่วนชี้ให้เห็นว่า การเปลี่ยนจากการสูบบุหรี่เป็นการใช้บุหรี่ไฟฟ้าอาจลดความเสี่ยงจากสารพิษบางชนิด แต่การสูบบุหรี่ไฟฟ้าไม่ได้หมายความว่าจะปลอดภัยอย่างสมบูรณ์ การใช้บุหรี่ไฟฟ้ายังคงมีความเสี่ยงที่อาจส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาว เช่น การเกิดปัญหาสุขภาพปอดและผลกระทบจากนิโคตินที่อาจมีต่อการพัฒนาของสมองในวัยรุ่น
บุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้ามีความแตกต่างกันในเรื่องของวิธีการสร้างควันและส่วนประกอบ แต่ทั้งสองมีความเสี่ยงต่อสุขภาพ บุหรี่มีสารพิษจากการเผาไหม้ที่อันตรายมากมาย ซึ่งอาจก่อให้เกิดโรคเรื้อรังและมะเร็ง ขณะที่บุหรี่ไฟฟ้าหมายถึงการทำให้ของเหลวระเหยซึ่งอาจมีสารเคมีอันตรายอยู่บ้าง แม้จะอาจลดความเสี่ยงบางประการ แต่ยังคงไม่สามารถถือว่าปลอดภัยอย่างสมบูรณ์ การเข้าใจความแตกต่างและความเสี่ยงของทั้งสองประเภทจะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ดีขึ้นเกี่ยวกับการใช้หรือเลิกสูบบุหรี่